วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559

โรคสะบ้าเคลื่อนในสุนัข (Patellar Luxation)

โรคสะบ้าเคลื่อนในสุนัข (Patellar Luxation)

 

สะบ้าเคลื่อน (patellar luxation) เป็นความผิดปกติของข้อเข่า พบมากในสุนัขพันธุ์เล็ก เช่น miniature และ toy poodles, yorkshire terriers, pomeranians, pekingese, chihuahuas และ boston terriers มักพบการเคลื่อนเข้าด้านใน (medial) มากกว่าเคลื่อนออกด้านข้าง (lateral) การเคลื่อนของสะบ้าในสุนัขส่วนใหญ่เป็นมาแต่กำเนิด หรือเกิดขึ้นภายหลังจากการกระทบกระแทก สุนัขที่มีสะบ้าเคลื่อนเป็นเวลานานมักพบการฉีกขาดของ cranial cruciate ligament และ meniscus ร่วมด้วย ทำให้เกิด lateral collateral instability และเกิดโรคข้อเสื่อมตามมา
 
 

กระดูกสะบ้าฝังอยู่ในเอ็นรวมของกลุ่มกล้ามเนื้อ quadriceps ซึ่งประกอบด้วยกล้ามเนื้อ rectus femoris, vastus lateralis, vastus intermedius และ vastus medialis รวมกันเป็น patellar ligament ยึดติดกับขอบด้านล่างของสะบ้า ไปยึดเกาะที่ tibial tuberosity ของกระดูก tibia ส่วนของ trochlear ridges ของกระดูก femur จะช่วยกักสะบ้าไว้ในร่อง trochlear sulcus และอยู่ในแนวที่เหมาะสำหรับการทำงานของกลุ่มกล้ามเนื้อ quadriceps, patellar ligament และ tibial tuberosity ถ้ามีความผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งของลักษณะทางกายวิภาคของส่วนต่างๆเหล่านี้ จะทำให้เกิดการเคลื่อนของสะบ้าขึ้น
 
ลักษณะและอาการของสุนัขที่มีสะบ้าเคลื่อน
อาการของสุนัขที่มีสะบ้าเคลื่อน แบ่งตามระดับความรุนแรงของสะบ้าที่เคลื่อนออกได้เป็น 4 ระดับ คือ

ระดับที่ 1 สะบ้าเคลื่อนออกไม่บ่อย บางครั้งสุนัขอาจยกขา สะบ้ามักอยู่ในร่อง trochlear sulcus เป็นปกติเมื่อเริ่มตรวจคลำ แต่เมื่อจับขาเหยียดออกจะดันสะบ้าออกจากร่อง trochlear sulcus ได้ง่ายและกลับเข้าที่ได้เอง อาจพบการบิดของ tibial tuberosity เกิดขึ้นเล็กน้อย สุนัขมักไม่แสดงอาการเจ็บ

ระดับที่ 2 การเคลื่อนของสะบ้ามักเกิดขึ้นได้บ่อย โดยเฉพาะเมื่อจับขาบิด สะบ้าจะถูกดึงออกจากร่อง trochlear sulcus สัตว์ป่วยจะแสดงอาการเจ็บขาเป็นระยะๆ โดยการ skipping (Hulse and Johnson, 1997) และพบ tibial tuberosity บิดไปจากตำแหน่งเดิมอาจถึง 30 องศา สุนัขที่มีสะบ้าเคลื่อนในระดับนี้เป็นเวลานาน อาจพบการกร่อนของผิวด้านในของสะบ้าและบริเวณส่วนต้นของ trochlear ridge

ระดับที่ 3 สะบ้ามักเคลื่อนหลุดตลอดเวลา ร่วมกับมีการบิดของกระดูก tibial tuberosity ตั้งแต่ 30-60 องศา แต่อาจดันสะบ้ากลับได้ด้วยการเหยียดข้อเข่าและบิดกระดูก tibia นอกจากนี้อาจพบการเบี่ยงเบนแนวของเอ็นกลุ่มกล้ามเนื้อ quadriceps หรือมีความผิดปกติของเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่พยุง stifle joint อาจพบการผิดรูปร่างของกระดูก tibia และ femur สัตว์ป่วยในระดับนี้จะแสดงอาการเจ็บตลอดเวลา ขาของสุนัขมักอยู่ในท่ากึ่งงอเข่า ร่อง trochlear sulcus ตื้น

ระดับที่ 4 ในระดับนี้มักเกิดการเคลื่อนของสะบ้าอย่างถาวร โดยที่ไม่สามารถดันกลับได้ และมีการบิดของกระดูก tibial tuberosity ประมาณ 60-90 องศา ร่อง trochlear sulcus อาจตื้นหรือหายไป และบางครั้งอาจพบมีลักษณะนูน (convex) ลักษณะของขาหลังผิดไป อาจมีการบิดของแนวเอ็นกลุ่มกล้ามเนื้อ quadriceps ความผิดปกติของเนื้อเยื่อที่พยุงข้อเข่าและการผิดรูปร่างของกระดูก femur และ tibia ในระดับนี้สัตว์ป่วยจะเจ็บขาตลอดเวลาไม่สามารถเหยียดข้อเข่าได้ และเดินลากขา