วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

โรคสำคัญที่พบสุนัข

โรคสำคัญที่พบสุนัข

โรคติดเชื้อไวรัสสำคัญๆ ที่เป็นปัญหาต่อสุขภาพของสุนัขในประเทศไทย มี 5 ชนิด ดังนี้

1. โรคไข้หัดสุนัข
สาเหตุ 
- เกิดจากเชื้อ Canine Distemper Virus
- ถูกทำลายได้ง่ายด้วยความร้อน 50-60 องศาเซลเซียส, ความแห้ง, ผงซักฟอก, น้ำยาที่ละลายไขมันต่างๆ, น้ำยาฆ่าเชื้อทั่วๆ ไป, น้ำยาที่ใช้ทำความสะอาด
การติดต่อ
- เชื้อนี้ สามารถติดต่อระหว่างสัตว์ในกลุ่ม Canivore หลายชนิด เช่น สุนัขป่า สุนัขจิ้งจอก
- ในแมวสามารถติดเชื้อได้ แต่ไม่แสดงอาการ
- ติดต่อได้ทางอุจจาระ น้ำลาย ปัสสาวะ น้ำมูก น้ำตา
- การติดต่อที่สำคัญจะผ่านทางอากาศ และการหายใจ
อาการของโรค
- ในช่วง 4-7 วันแรก มีไข้สูง
- 7-14 วันต่อมา อุณหภูมิลดลง
- เยื่อตาอักเสบ
- ทอนซิลอักเสบ
- ในรายที่ไม่รุนแรง อาจมีอาการกระวนกระวาย ร่างกายขาดน้ำ กินอาหารลดลง น้ำหนักตัวลด มีไข้
- ในรายที่มีอาการรุนแรงขึ้น จะแสดงอาการที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น มีน้ำมูกและขี้ตา ไอ หายใจลำบาก ท้องเสีย อาเจียน
- ในรายที่เป็นมากขึ้น จะมีอาการเด่นชัดที่พบบ่อยในโรคนี้ เช่น มีน้ำมูกใสในช่วงแรกที่เป็นโรค ในช่วงหลังน้ำมูกจะข้น เป็นหนอง, มีขี้ตาขุ่น อาจพบการอักเสบของกระจกตา เกิดแผลหลุมที่กระจกตา, หายใจลำบากและไอ หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วยจะมีอาการปอดบวมแทรก, มีตุ่มหนองใต้ท้อง, บริเวณจมูกและฝ่าเท้าจะหนาตัวขึ้น หรือที่เรียกว่า ?hard pad?, อาเจียน ท้องเสีย, มีอาการทางประสาท เช่นชัก อัมพาต



2. โรคตับอักเสบติดต่อในสุนัข
สาเหตุ 
- เกิดจากเชื้อ Canine Adenovirus-1 หรือ CAV-1
- มีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมได้นานหลายวัน หรือเป็นเดือนขึ้นกับอุณหภูมิและความชื้น
- ถูกทำลายได้ด้วยความร้อน 56 องศาเซลเชียส, สารประกอบไอโอดีน, ฟินอล, NaOH (โซเดียมไฮดรอกไซด์), กลุ่มควอเทอร์นารี่แอมโมเนียม
การติดต่อ
- เชื้อ CAV-1 จะออกมากับปัสสาวะของสัตว์ป่วย และแพร่กระจายได้
- ลูกสัตว์ติดจากแม่ขณะคลอด
- ติดต่อทางรกส่งผลให้ลูกแรกเกิดอ่อนแอ และตายภายในไม่กี่วันหลังจากคลอด
- แม่สุนัขที่เป็นโรคนี้จะเป็นพาหะของโรคได้
อาการของโรค
- ในลูกสุนัขจะแสดงอาการอ่อนแอ หมดแรง และตายอย่างรวดเร็ว
- ต่อมทอนซิลขยายใหญ่
- ไอ และปอดอาจมีเสียงผิดปรกติ เหมือนกับในรายของภาวะปอดบวม
- อาเจียน และอาจมีท้องเสีย
- ช่องท้องส่วนหน้ามีอาการเจ็บ
- คลำช่องท้อง พบลักษณะตับโต และอาจมีท้องมาน
- อาจพบจุดเลือดออก
- การบวมน้ำที่กระจกตา
- อาจพบว่ามีอาการทางระบบประสาท ซึมมาก โซเซ ชัก หมดสติ




3. โรคลำไส้อักเสบติดต่อในสุนัข
สาเหตุ
- เกิดจากเชื้อไวรัส Canine Parvovirus type 2 (CPV-2) ซึ่งเป็นไวรัสที่ทนทานมาก
การติดต่อ
- เชื้อสามารถอยู่นอกร่างกายสัตว์ได้นานเป็นเดือนหรือปี
- ติดเชื้อโดยการกินเชื้อเข้าไป
อาการของโรค
- ทำให้เกิดอาการอาเจียนและท้องเสีย
- มีไข้สูงถึง 104-105 องศาฟาเรนไฮด์ หรือไม่มีไข้
- อาเจียนเป็นฟองใสๆ หรือเป็นเมือกขาวขุ่นหรือปนเลือด, ซึม, เบื่ออาหาร
- ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำหรือวุ้นเหมือนเจลลาติน สีแดงน้ำตาล (เลือด) มีกลิ่นเหม็นคาวเฉพาะของโรคนี้
- ร่างกายขาดน้ำ และน้ำหนักลด
วิธีป้องกัน
- โดยใช้ไฮเตอร์ (น้ำยาฟอกขาว) ล้างพื้นเป็นประจำ ป้องกันได้ เพราะไฮเตอร์มีฤทธิ์ฆ่าไวรัสตัวนี้ได้

4. โรคหลอดลมอักเสบติดต่อในสุนัข
สาเหตุ
- เกิดจากไวรัส Canine Parainfluenza Virus (CPIV)
Canine Distemper Virus (CDV)
Canine Adeno Virus (CAV-1)
Canine Adeno Virus (CAV-2)
- เกิดจากแบคทีเรีย Burdetella Hronchiseptica
Mycoplasma
อาการของโรค
- ไอเรื้อรัง
- พบการตีบตัวของหลอดลม และเกิดการอักเสบที่ระบบทางเดินหายใจส่วนต่างๆ
- ทำให้ตายได้
- ลูกสุนัขเกิดภาวะปอดบวมตามมา

5. โรคพิษสุนัขบ้า
สาเหตุ
- เกิดจากเชื้อ Rabies Virus
- สัตว์เลือดอุ่นทุกชนิด ง่ายต่อการเป็นโรค
- ระยะฟักตัว 3-8 สัปดาห์ ถึง 6 เดือน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของการติดเชื้อ ลักษณะ และขนาดของบาดแผล
- พบว่าสัตว์ที่เป็นโรคมีจำนวนไวรัสไตเตอร์ในต่อมน้ำลาย หรือในน้ำลายสูงกว่าในสมอง
การติดต่อของโรค
- โอกาสติดเชื้อจากสัตว์ป่วยโดยการถูกกัด เลียโดยเชื้อที่ถูกขับผ่านทางน้ำลาย ทางแผลฉีกขาดที่ผิวหนัง หรือเยื่อเมือกของตา จมูก ปาก หรืออวัยะเพศ การติดเชื้อทางลมหายใจ หรือการสูดละอองไวรัสจากอุจจาระ ปัสสาวะในที่แออัด หรือการแพร่โรคทางรกและน้ำนม
อาการของโรค
- แบ่งเป็น 3 ระยะคือ
5.1 ระยะเริ่มต้น ใช้เวลา 2-3 วัน
- สุนัขจะมีนิสัยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
- ม่านตาขยายกว้าง
- ไล่งับอากาศ หรือ โงกหลับ
- ชอบหลบตามมุมมืด
5.2 ระยะตื่นเต้น ใช้เวลาประมาณ 1-7 วัน
- สุนัขจะมีอาการตื่นเต้น กระวนกระวาย ดุร้าย กัดทุกอย่างที่ขวางหน้า
- ขากรรไกรล่างห้อย น้ำลายไหลมาก เนื่องจากอัมพาตของกล้ามเนื้อที่ใช้เคี้ยวและกลืน ลิ้นห้อย
- เสียงเห่าหอนผิดปรกติ เกิดจากอัมพาตของกล้ามเนื้อกล่องเสียง
- สุนัขจะลำตัวแข็ง หางตก ขาหลังเริ่มอ่อนเปลี้ย ซึ่งเป็นอาการที่เริ่มเข้าสู่ระยะอัมพาต
5.3 ระยะอัมพาต
- สุนัขมีอาการอ่อนเพลีย
- เกิดอัมพาต โดยจะเริ่มจากส่วนท้ายของลำตัวแล้วไปยังส่วนหัวอย่างรวดเร็ว
- ตายเนื่องจากระบบหายใจเป็นอัมพาต ภายใน 2-4 วัน
ข้อควรแนะนำสำหรับผู้ที่สัมผัส หรือถูกสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัด
- รีบล้างแผลด้วยน้ำและสบู่ หรือยาฆ่าเชื้อ
- ทำความสะอาดซ้ำด้วยแอลกอฮอล์ 70 %
- กักขังสัตว์เพื่อดูอาการ อย่างน้อย 10 วัน
- ปรึกษาแพทย์ เพื่อฉีดยาป้องกันบาดทะยักและวัคซีน

โรคสำคัญอื่นๆ ที่พบบ่อยในสุนัข

โรคพยาธิหนอนหัวใจสุนัข (Heartworm Disease)
 เป็นโรคที่พบบ่อยในสุนัข
 เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการหอบหายใจแรงในแมว
 สาเหตุเกิดจาก Dirofilaria Immitis โดยมียุงเป็นพาหะ
วงจรชีวิตพยาธิหนอนหัวใจ
 Microfilaria อาจผ่านจากสุนัขตัวหนึ่งไปสู่อีกตัวหนึ่ง โดยผ่านทางการให้เลือดได้
 สามารถผ่านจากแม่สู่ลูกได้ โดยทางรกในระหว่างตั้งครรภ์
 ลูกสุนัขอายุน้อยกว่า 6 เดือนอาจพบ Microfilaria ในกระแสเลือดได้
 พยาธิหนอนหัวใจตัวแก่ สามารถมีอายุได้ 5-9 ปี
อาการของโรค
 สุนัขที่เลี้ยงอยู่นอกบ้าน มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากกว่าสุนัขที่เลี้ยงภายในบ้าน
 สุนัขแสดงอาการไอ หายใจลำบาก หอบ หายใจเร็ว เหงือกมีสีคล้ำ และน้ำหนักตัวลดลง
 กรณีที่สุนัขป่วยมานาน จะแสดงอาการของโรคหัวใจ ได้แก่ เกิดท้องมาน หมดสติเป็นครั้งคราว บางรายพบเลือดกำเดาไหลร่วมด้วย
 หากเป็นนานขึ้นเรื่อยๆ สุนัขจะมีม้ามโต ตับโต และโลหิตจาง
 ในรายที่เป็นแบบรุนแรงเฉียบพลันจะมีอาการอ่อนเพลีย เหงือกซีด หอบหายใจแรง ปัสสาวะมีสีแดง โลหิตจาง และสุนัขอาจตายได้ภายในเวลา 24-72 ชั่วโมง
การตรวจวินิจฉัย
 สัตว์แพทย์จะทำการตรวจเบื้องต้น โดยการเจาะเก็บตัวอย่างเลือดมาตรวจหาตัวอ่อน โดยการส่องดูจากกล้องจุลทรรศน์ เรียกว่า วิธี Fresh Blood Smear
 หากสุนัขได้รับการฉีดยาควบคุมโรคพยาธิหนอนหัวใจมาโดยตลอด เมื่อส่องกล้องดูตัวอย่างเลือดจะไม่พบตัวอ่อน
 ใช้วิธีการ X-Ray ดูขนาดของหัวใจซึ่งจะเห็นขนาดของหัวใจที่ขยายใหญ่ และบางรายจะเห็นเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงปอดมีขนาดใหญ่กว่าปรกติชัดเจน
ระดับความรุนแรงของโรค
 สุนัขไม่แสดงอาการหรือความผิดปรกติใด ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของภาพ X-Ray เมื่อมีพยาธิอยู่เพียงเล็กน้อย
 สุนัขมีอาการไอ ความสามารถในการออกกำลังการลดลง มีการเปลี่ยนแปลงของหัวใจจากภาพ X-Ray ไม่มาก
 สุนัขมีอาการไอ ความสามารถในการออกกำลังกายลดลงอย่างมาก เหนื่อยง่าย หมดสติ บางรายมีอาการท้องมาน ภาพ X-Ray พบความเปลี่ยนแปลงของหัวใจอย่างมาก
 สุนัขมีอาการคล้ายระดับที่ 3 แต่เกิดอาการแบบเฉียบพลัน ปัสสาวะมีสีแดง มีอาการของภาวะหัวใจล้มเหลวเนื่องจากมีพยาธิจำนวนมากอุดตันที่เส้นเลือดดำใหญ่
การรักษา มี 2 ขั้น คือ
 ขั้นแรก การกำจัดพยาธิตัวแก่ด้วยยาหรือการผ่าตัด
 ขั้นที่สอง การกำจัด Microfilaria โดยการใช้ยา
การป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ
 ใช้ยาในการกำจัดตัวอ่อนของพยาธิ
 ฉีดยาเข้าชั้นใต้ผิวหนัง โดยเริ่มโปรแกรมที่อายุ 3 เดือน หลังจากนั้นกระตุ้นซ้ำทุก 2 เดือน หรือควบคุมโดยใช้ยากินทุก 1 เดือน หรือตามที่สัตวแพทย์แนะนำ
 แมวสามารถติดพยาธิหนอนหัวใจได้ แต่ตัวพยาธิจะมีอายุอยู่ในร่างกายแมวได้ไม่นาน และไม่สามารถสร้างตัวอ่อนออกสู่กระแสเลือดได้

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://pitbullzone.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น